เมซซี่ ปาดหน้า ฟาน ไดค์ ขึ้นคว้าบัลลงดอร์เป็นสมัย 6
ยิ้มไม่หุบจริง ๆ สำหรับ ลิโอเนล เมสซี่ ดาวยิงระดับโลกแห่งสโมสร บาร์เซโลน่า หลังผงาดคว้า บัลลง ดอร์ ประจำปี 2019 สร้างสถิติสะสมรางวัลรวมเป็นสมัยที่ 6 ได้สำเร็จ ตัดหน้า เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ กองหลังคุณภาพของ ลิเวอร์พูล ไปอย่างฉิวเฉียด รวมถึง คริสเตียโน่ โรนัลโด้, โมฮาเหม็ด ซาลาห์ และ ซาดิโอ มาเน่ ที่ต้องพลาดรางวัลนี้ไปอย่างน่าเสียดาย
เรียกได้ว่าปากกาเซียนมีหักกันไปหลายด้ามเลยทีเดียวบาคาร่า pantip เพราะย้อนกลับไปตั้งแต่ช่วงต้นปีที่ผ่านมา ได้มีผู้เชี่ยวชาญ และ นักวิจารณ์มากมายพากันยกย่องให้ เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ เป็นนักเตะที่คู่ควรกับ บัลลง ดอร์ ของปีนี้มากที่สุด จากผลงานการเล่นอันโดดเด่น พร้อมชี้ด้วยว่ามันหมดยุคการผูกขาดของ 2 ซุปเปอร์สตาร์ดังอย่าง โรนัลโด้ กับ เมซซี่ แล้ว แต่ที่ไหนได้เมื่อการประกาศรางวัลครั้งล่าสุดแทงบอล สเต็ป ณ กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ในวันจันทร์ที่ 2 ธันวาคมที่ผ่านมา บอลทองคำ ยังคงตกเป็นของ เมซซี่ เจ้าเดิม ซึ่งนับเป็นครั้งที่ 6 แล้วที่เจ้าตัวสามารถคว้ารางวัลใหญ่นี้ไปได้อีกครั้ง หลังจากขึ้นรับรางวัลครั้งแรกในปี 2009, 2010, 2011, 2012 และ 2015 ไปเมื่อก่อนหน้านี้
โดยสุดยอดนักเตะชาวอาร์เจนตินาวัย 32 ปี ได้พูดคุยเปิดใจกับแขกที่มาร่วมงานดังกล่าวว่า
” เมื่อ 10 ปีก่อน สมัยตอนที่ผมได้ก้าวขึ้นมารับรางวัล บัลลง ดอร์ เป็นครั้งแรก ผมได้พาพี่น้องของผมมาร่วมงานนี้ด้วยกัน 3 คน และคราวนี้ในวันที่ผมได้รับรางวัลเป็นสมัยที่ 6 ผมก็ได้พาภรรยากับลูกของผมมาร่วมงาน ”
ส่วนทางด้าน ยอดเซนเตอร์แบ็กหงส์แดง อย่าง ฟาน สล็อต999ไดค์ ที่ได้รับผลโหวตเป็นอันดับ 2 เหนือกว่า โรนัลโด้ กองหน้ารูปหล่อตลอดกาล ของ ยูเวนตุส ก็ได้ออกมากล่าวเปิดใจกับสื่อข่าวที่รออยู่หน้างานว่า
” มันคือปีที่น่าอัศจรรย์ที่สุดสำหรับผมเท่าที่เคยมีมา แต่เพราะมีนักเตะอีกสองคนที่อยู่ในจุดเหนือกว่าธรรมชาติ ดังนั้นคุณต้องให้ความเคารพต่อความยิ่งใหญ่ที่พวกเขาได้ทำเอาไว้ด้วยเหมือนกัน ”
” ผมเกือบทำได้แล้ว หลังจากมันแสดงให้เห็นว่ามีคนเดียวเท่านั้น ที่ทำผลงานได้ดีกว่าผม แต่ผมก็รู้สึกภูมิใจกับมันเป็นอย่างยิ่ง ทั้งสิ่งได้รับจากการร่วมงานกับ ลิเวอร์พูล gclub888888 ในปีที่ผ่านมา ไปจนถึงการได้เป็นนักเตะทีมชาติฮอลแลนด์ และหวังว่าเราจะสามารถทำแบบนี้ได้อีกในคราวหน้า แต่ก็อย่างที่รู้กันว่ามันเป็นงานที่ยากลำบากสำหรับทุก ๆ คน กว่าจะได้มายืนอยู่ตรงจุดนี้ “
